อุโมงค์ผาเมือง

อุโมงค์ผาเมือง

มนุษย์นั้นเรียนรู้การโกหกมาเป็นเวลาช้านานจนมันติดตัวเรามาเป็นความสามารถที่ไม่ต้องเรียนรู้ก็ทำได้เลยอัตโนมัติหลายคนมีความเชื่อว่าการโกหกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ดีไม่เพียงเท่านั้นในความเชื่อของศาสนาพุทธยังเป็นการทำผิดศีลอีกด้วยแต่มนุษย์ทุกคนบนโลกนั้นล้วนแล้วแต่เคยผ่านการโกหกมาแล้วทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ส่วนใหญ่ที่เราโกหกนั้นก็มักจะมีคำกล่าวอ้างว่าเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจหรือต้องการปกปิดเรื่องราวเลวร้ายที่ตนเองกระทำเพื่อรักษาหน้าตาในสังคมการโกหกจึงกลายเป็นเครื่องมือที่สร้างความชอบธรรมให้กับมนุษย์โดยเฉพาะการโกหกเมื่อราวๆ 400 ปีที่แล้ว ยุคโบราณที่เทคโนโลยียังไม่มีเหมือนในปัจจุบันและไม่สามารถจับได้ว่าใครโกหกหรือไม่โกหกกันแน่ ทำให้ในยุคนั้นการโกหกกลายเป็นเรื่องง่ายที่ทำกันเป็นเรื่องปกติในบางคน

อุโมงค์ผาเมือง

อุโมงค์ผาเมือง เป็นภาพยนตร์ที่จะนำเอาเรื่องราวของการโกหกมาเล่าให้เห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อมนุษย์นั้นเลือกใช้การโกหกเป็นเครื่องมือที่ทำให้ตนเองยังคงมีหน้ามีตาในสังคมและสร้างความชอบธรรมให้กับพฤติกรรมบางอย่างของตนเองที่ไม่เหมาะสมหรือผิดพลาด ไม่เพียงเท่านั้นยังตีแผลถึงเรื่องเบื้องลึกของจิตใจมนุษย์อีกด้วย ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นโดยผู้เขียนชาวญี่ปุ่นที่เล่าถึงเรื่องราวคดีฆาตกรรมซามูไร เมื่อมีการนำเอามาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไทยโดยหม่อมน้อย ก็มีการปรับเรื่องราวให้เข้ากับความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น

อุโมงค์ผาเมือง

อุโมงค์ผาเมือง เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนครผาเมืองซึ่งตั้งอยู่ในอาณาจักรเชียงแสนขุนศึกผู้หนึ่งได้เดินทางผ่านป่าใหญ่พร้อมกับผู้เป็นภรรยาของเขาระหว่างทางทั้งสองคนนั้นได้พบเข้ากับโจรป่าที่เข้ามาเสนอขายอาวุธที่ทำมาจากสิ่งของมีค่ามันออกอุบายให้ขุนศึกเดินตามมันไปตามลำพังเพื่อไปดูของโดยทิ้งผู้เป็นภรรยาเอาไว้เนื่องจากนั้นสายตาภรรยาของขุนศึกนั่นเองจากนั้นมันก็ได้กระทำการมัดขุนศึกเอาไว้และล่อให้ภรรยาของเขานั้นตามไปหาเขาอ้างว่ามีเหตุอันตรายเกิดขึ้น

เธอนั้นรีบรุดตามโจรป่าไปด้วยความเป็นห่วงผู้เป็นสามีแต่เธอก็เสียรู้เมื่อพบว่าสามีนั้นถูกมัดอยู่และเธอนั้นก็ถูกกระทำชำเราโดยโจรป่าต่อหน้าผู้เป็นสามีจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ขุนศึกเสียชีวิตลงเหตุการณ์ในครั้งนี้มีการสืบสวนคดีความโดยมีโจรป่าเป็นผู้ให้การมันอ้างว่ามันนั้นได้ทำการฆ่าขุนศึกด้วยตนเองเพื่อประกาศศักดาแม่หญิงคำแก้วภรรยาของขุนศึกนั้นก็ได้เล่าว่าเธอเองที่เป็นผู้ฆ่าสามีผู้ให้การอีกหนึ่งคนก็คือตัวคุณเองที่มาให้การผ่านร่างทรง

โดยบอกว่าตนเองนั้นเป็นคนที่ฆ่าตัวตายเรื่องราวที่ทั้งสามคนเล่านั้นไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิงแต่สุดท้ายจนป๋าก็ถูกตัดสินประหารชีวิตทำให้หนึ่งในพยานอย่างพระรู้สึกติดใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้เป็นอย่างมากและได้เดินทางเพื่อไปพบแม่ของเขาระหว่างทางเขาได้พบเข้ากับชายตัดฟืนซึ่งเป็นอีกหนึ่งพยานในเหตุการณ์พวกเขาจึงได้เข้าไปหลบฝนด้วยกันในอุโมงค์และเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้สัปเหร่อฟัง

 

# Where We Belong

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *