Sightless (2020) โลกมืด
Sightless (2020) โลกมืด
เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวจิตวิทยาอเมริกันที่เขียนบทและกำกับโดย Cooper Karl ซึ่งสร้างจากภาพยนตร์สั้น ปี 2017 ในชื่อเดียวกัน นำแสดงโดย Madelaine Petsch และ Alexander Koch
เรื่องราวของแอลเลน แอชแลนด์ อดีตหญิงสาวนักไวโอลีน ที่ถูกคนทำร้ายจนต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโคลัมเบียเวสเทิร์น แต่เมื่อพยาบาลโอมาร์ พยาบาลที่ดูแลเธอเอาผ้าพันแผลออก เธอก็ตกใจมากที่ตาของเธอมองอะไรไม่เห็น โดยหมอบอกว่าประสาทตาของเธอถูกสารเคมีทำให้ไหม้แต่ไม่ขาดและไม่มีทางรักษาได้ ทำให้เธอเสียใจมาก หมอจึงได้แต่แนะนำให้เธอพยายามปรับตัวกับโลกใบใหม่นี้ให้ได้
ในระหว่างนั้นพยาบาลก็พยายามติดต่ออีสตัน พี่ชายของเธอที่ทำธุรกิจอยู่ในญี่ปุ่น โดยพี่ชายของเธอได้จ้าง เฮลีย์ (เคลย์ตัน) ผู้เชี่ยวชาญการดูแลคนที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่มาคอยดูแลเธอจนกว่าเขาจะกลับไป โดยให้เธอพักอยู่ในอพาร์ทเม้นท์ห้อง 902 ใกล้ดาวน์ทาวน์ที่เขาจัดไว้ให้ซึ่งปลอดภัยและเงียบสงบตามแบบที่เธอต้องการ แต่เธอกลับรู้สึกไม่ชอบที่นี่ เพราะมันรู้สึกว่างเปล่า ซึ่งในระหว่างที่เธออยู่ที่นี่ก็ได้พยายามติดต่อซาซ่า เพื่อนคนเดียวของเธอที่เหลืออยู่ รวมถึงพี่ชายของเธอ แต่ก็ติดต่อไม่ได้เลย ในระหว่างที่นักสืบไบรซ์ก็ได้คอยส่งข้อความแจ้งผลการสืบสวนให้เธออยู่ตลอด จนในคืนวันหนึ่งเธอได้ยินเสียง ลาน่า ผู้หญิงจากห้องข้าง ๆ และได้รู้ว่าเธอมีแผลที่ถูกเย็บบนในหน้า ซึ่งคาดว่าถูกสามีทำร้าย และเธอก็ได้ถูกคนบุกรุกเข้ามาทำร้าย แต่ในกล้องวงจรปิดกลับไม่พบใคร ใครกันที่ทำร้ายเธอจนตาบอดกันแน่
เปิดเรื่องฉายถึงตัวละครหลักที่กำลังนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในขณะที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยฉายให้เห็นถึงเรื่องราวที่ตัวละครนึกเป็นช่วง ๆ ซึ่งฉายเพียงแค่ภาพเลือนลางไม่ได้เปิดเผยให้เห็นชัดเจนว่าใครเป็นคนทำ รวมทั้งไวโอลีนที่หายไปและยังตามรอยโทรศัพท์ไม่ได้ จึงดูเป็นปริศนาที่ชวนติดตามดี จากนั้นตัวละครหลักก็ได้ออกจากโรงพยาบาลและเดินทางกลับอพาร์ทเม้นท์ที่พี่ชายได้หาไว้ให้ ซึ่งช่วงนี้จะมีคนคอยมาดูแล โดยในช่วงแรกไม่ได้ฉายให้เห็นหน้า และค่อย ๆ ฉายให้เห็นหน้า ซึ่งช่วงนี้ก็จะเป็นการใช้ชีวิตของตัวละครหลักที่มีคนมาดูแลทุกเช้าและนักสืบที่ส่งข้อความมาบอกเรื่องราวที่ได้จากการสืบสวน
โดยจะเน้นฉายในอพาร์ทเม้นท์เป็นหลัก ซึ่งมีช่วงที่น่าเบื่อบ้าง และค่อย ๆ ฉายบางอย่างแปลก ๆ มีตุ้งแช่บ้าง มีช่วงให้ลุ้นบ้าง โดยเฉพาะช่วงท้าย ๆ เรื่องที่ชวนลุ้นเอาใจช่วยตัวละคร ซึ่งทั้งเรื่องดูแล้วให้ความรู้สึกอึดอัดเหมือนตัวละครหลักที่มองไม่เห็นและชวนติดตามคาดเดาตลอดว่าใครคือคนร้ายตัวจริง จนค่อย ๆ เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดในช่วงท้ายเรื่องที่ถึงกับอึ้ง แต่พอเดาเรื่องได้ ซึ่งพล็อตเรื่องคล้าย ๆ เรื่อง Julia’s Eyes (2010) บอดระทึกทรวง และจบด้วยฉากตัวละครหลักที่กลับมาเล่นไวโอลีนอีกครั้งในหกเดือนต่อมา ซึ่งฉากจบก็เหมือนกับเรื่อง The Eye (2008) ดวงตาผี
คะแนน 7/10