THE TOMORROW WAR
THE TOMORROW WAR
หากพูดถึง หนังแอคชันไซไฟในปี 2021 คงไม่มีเรื่องไหนจะดีไปกว่า THE TOMORROW WAR อีกแล้ว ซึ่งบทของเรื่องดูแล้วอาจจะรู้สึกไม่สุดยังมีติด ๆ ขัด ๆ และยังมีความเหมือนหนังเรื่อง Edge of Tomorrow อยู่บ้าง แต่ในเรื่องความมันสะใจจากฉากแอคชันเรียกได้ว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว ถมยังมีการผูกปมต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องของการแบ่งเส้นเวลาให้เข้าใจได้ไม่ยาก และมีอะไรที่น่าสนใจนอกจากฉากบู๊อยู่ไม่น้อย
หนังเรื่องนี้ยังเป็นการกำกับหนังเรื่องแรกของ คริส แม็คเคย์ ที่เคยมีผลงานในการกำกับหนังร่วมจากเรื่อง The Lego Movie และได้ คริส แพร็ตต์ มารับบทอดีตนายทหารที่เคยผ่านสงครามอีกรักมาก่อน และได้ผันตัวเองมาเป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับครอบครัวที่น่ารัก จนเมื่อวันหนึ่งได้มีข่าวส่งมาจากโลกอนาคตบอกว่าอีก 40 ปีมนุษย์จะแพ้สงครามให้กับพวกเอเลี่ยน จึงจำเป็นต้องหาคนไปร่วมต่อสู้ ทำให้พระเอกจึงตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อปกป้องโลก และครอบครัวของเขา
ข้อเสียของหนังเรื่องนี้ก็ยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง อย่างอย่างการดำเนินเรื่อง และความยาวของหนังที่ยาวถึง 140 นาที การปูเรื่องที่มากเกินจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องความรักภายในครอบครัวหากกระชับส่วนนี้ได้อาจจะลดเวลาได้ถึง 20 นาทีเลยทีเดียว การออกแบบเอเลี่ยนก็ดูไม่มีจุดเด่นหรือความน่ากลัวมากนักหากใครคาดหวังว่าจะเห็นเอเลี่ยนที่น่ากลัวคงผิดหวังอยู่พอสมควร
สำหรับพระเอกของเรื่องอย่าง คริส แพร็ตต์ แน่นอนว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องฝีไม้ลายมือในการแสดงเพราะเขาเป็นพระเอกระดับแถวหน้าของฮอลลีวูดอยู่แล้ว แต่บทที่ได้รับของเขาส่วนใหญ่จะเป็นคาแร็คเตอร์เดิมอย่าง Jurassic World หรือ Passengers จึงเชื่อผลงานเรื่องต่อไปอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไม่งั้นเขาอาจจะถึงทางตันก็เป็นได้ แต่บทที่เด่น ๆ แล้วคนดูค่อนข้างประทับใจก็คงไม่พ้น อีวอนน์ สตราฮอฟสกี้ ที่รับบทผู้นำทหารในโลกอนาคต เธอเล่นได้สมบทบาทเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งแบบทหาร ผสมผสานกับความสวยมีเสน่ห์อย่างลงตัว
ด้วยสถานการณ์วิดทำให้ THE TOMORROWWAR ต้องทำการฉายในรูปแบบสตรีมมิ่งบน Amazon Prime ถามว่าดีไหม ก็ต้องตอบว่าดีเพราะได้ดูหนังที่มีคุณภาพที่ออกมาใหม่ แต่ต้องบอกว่าเสียดายเพราะหนังที่มีทุนสร้างสูงระดับ 200 ล้านดอลลาร์ และความมันระดับนี้ต้องดูในโรงระดับ IMAX เท่านั้น เพราะสามารถจะทำให้หนังเรื่องนี้สนุกขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ก็ได้เก็บความเสียดายนี้ไว้พร้อมปลอบใจตัวเองว่ายังดีกว่าไม่มีหนังดู